การพิจารณามุมมองวงจรชีวิตหมายถึงการที่องค์กรต้องคิดถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมของผลิตภัณฑ์ บริการ หรือกิจกรรมตั้งแต่การพัฒนาไปจนถึงจุดสิ้นสุดการใช้งาน ซึ่งรวมถึงการได้มาซึ่งวัตถุดิบ การออกแบบ การผลิต การขนส่ง/จัดส่ง การใช้งาน การจัดการเมื่อสิ้นสุดอายุการใช้งาน และการกําจัดทิ้งขั้นสุดท้าย
คําถามที่ 2: องค์กรสามารถควบคุมผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมจากมุมมองวงจรชีวิตได้อย่างไร
องค์กรสามารถควบคุมได้โดยการระบุและทําความเข้าใจผลกระทบเหล่านั้น กําหนดผลกระทบ ตลอดจนนํามาตรการมาใช้เพื่อลดผลกระทบในทางลบ เช่น การใช้วัตถุดิบที่ยั่งยืนมากขึ้น การปรับปรุงกระบวนการเพื่อลดของเสีย หรือการนําโปรแกรมการรีไซเคิลมาใช้
คําถามที่ 3: ทําไมมุมมองวงจรชีวิตจึงมีความสําคัญในการนํา ISO 14001 มาปฏิบัติใช้
มุมมองวงจรชีวิตช่วยให้องค์กรระบุโอกาสในการป้องกันหรือบรรเทาผลกระทบด้านลบต่อสิ่งแวดล้อม และใช้ประโยชน์จากผลลัพท์เชิงบวกที่อาจเกิดขึ้นได้ ซึ่งส่งเสริมให้เกิดการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมอย่างครอบคลุมมากขึ้น และนําไปสู่ประโยชน์ทางธุรกิจที่สําคัญ เช่น การประหยัดต้นทุน และการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้มีส่วนได้เสีย
ตัวอย่างแนวทางการประยุกต์ใช้มุมมองวงจรชีวิตในแต่ละกระบวนการสำหรับโรงงานผลิตอาหาร
กระบวนการจัดซื้อ
เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สิ่งสําคัญคือการจัดหาวัตถุดิบในท้องถิ่น ซึ่งไม่เพียงช่วยลดก๊าซเรือนกระจกจากการขนส่ง แต่ยังสนับสนุนเกษตรกรในท้องถิ่นด้วย การให้ความสําคัญกับวัตถุดิบที่ได้รับการรับรองมาตรฐานด้านความยั่งยืน เช่น การค้าที่เป็นธรรม (Fairtrade) และอินทรีย์ (Organic) หรือ การรับรอง Rainforest Alliance ก็เป็นสิ่งที่มีประโยชน์เช่นกัน การลดการใช้บรรจุภัณฑ์ โดยเฉพาะการเลือกใช้วัสดุที่นํากลับมาใช้ใหม่หรือรีไซเคิลได้ และการลดทอนชั้นของบรรจุภัณฑ์ที่ไม่จําเป็นออก สามารถช่วยลดขยะได้ นอกจากนี้การร่วมมือกับคู่ค้าที่นําเทคนิคการชลประทานอย่างมีประสิทธิภาพมาใช้ ทำให้ช่วยลดการใช้น้ำในภาคเกษตรกรรม ก็เป็นส่วนนึงของการบริหารจัดการการได้มาซึ่งวัตถุดิบเช่นกัน
กระบวนการผลิต
การนํากลยุทธ์มาใช้เพื่อปรับปรุงความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมในการผลิต ได้แก่ การเพิ่มประสิทธิภาพด้านพลังงานโดยการปรับปรุงอุปกรณ์ของเครื่องจักรที่มีนัยสำคัญด้านพลังงาน การลดของเสียด้วยหลักการผลิตแบบลีน (Lean) และการนําของเหลือทิ้งทางอาหารไปแปรรูปหรือทําปุ๋ยหมัก การเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการทําความสะอาดและการนําน้ำกลับมาใช้ใหม่ เพื่อลดการใช้น้ำในกระบวนการผลิต ก๊าซเรือนกระจกสามารถควบคุมได้ด้วยการนําเทคโนโลยีกักเก็บคาร์บอนมาใช้และการส่งเสริมการพลังงานทดแทน
กระบวนการกระจายสินค้าและการขนส่ง
การนํากลยุทธ์มาใช้เพื่อเพิ่มความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในห่วงโซ่อุปทานและการให้ความรู้แก่ผู้บริโภค ได้แก่ การปรับปรุงเส้นทางการขนส่งและการเลือกใช้รถไฟฟ้าแทนรถที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิง การเลือกวัสดุย่อยสลายได้ทางชีวภาพหรือจากพืชสําหรับบรรจุภัณฑ์ และการร่วมมือกับร้านค้าปลีกที่ปฏิบัติตามหลักความยั่งยืนเพื่อลดการใช้พลังงานและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ตู้เย็น นอกจากนี้ การให้ความรู้แก่ผู้บริโภคเกี่ยวกับทางเลือกอย่างยั่งยืนและการเน้นย้ำคุณสมบัติด้านสิ่งแวดล้อมของผลิตภัณฑ์ก็มีความสําคัญเช่นกัน
การกำจัดเศษซาก:
การนํากลยุทธ์มาใช้เพื่อส่งเสริมการใช้ผลิตภัณฑ์อย่างรับผิดชอบและการจัดการของเสีย ได้แก่ การให้คําแนะนําชัดเจนเพื่อลดการใช้พลังงานและน้ำระหว่างการใช้ผลิตภัณฑ์ การส่งเสริมการซ่อมแซมและปรับสภาพผลิตภัณฑ์เพื่อยืดวงจรชีวิตและลดปริมาณขยะ การให้บริการรับคืนบรรจุภัณฑ์หรือส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์จะช่วยอํานวยความสะดวกในการรีไซเคิลและการใช้ซ้ำ การร่วมมือกับสถานที่ทําปุ๋ยหมักจะช่วยให้มั่นใจว่ามีการกําจัดของเสียอาหารอย่างรับผิดชอบและสร้างทรัพยากรที่มีค่า
อย่างไรก็ตามข้อมูลที่ได้กล่าวถึงนี้เป็นเพียงตัวอย่างของกรอบแนวทาง สำหรับกระบวนการที่จะทำเรื่องวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ไปประยุกต์ใช้นั้นจะขึ้นอยู่กับประเภทธุรกิจและบริบทขององค์กรที่สามารถทำได้
เกี่ยวกับ SGS
เราคือเอสจีเอส ผู้นำด้านการทดสอบ การตรวจสอบ และการรับรองระบบของโลก เรา เราได้รับการยอมรับในฐานะผู้กำหนดมาตรฐานด้านความยั่งยืน คุณภาพและความซื่อสัตย์ พนักงาน 99,600 คนของเรา ดำเนินงานในเครือข่ายสำนักงานและห้องปฏิบัติการกว่า 2,600 แห่งทั่วโลก
100 Nanglingchee Road Chongnonsee, Yannawa,
Chongnonsee, Yannawa, 10120,
กรุงเทพ, ประเทศไทย